การดูผีเสื้อในประเทศไทย
รู้จักผีเสื้อ
หนวด-มี1คู่ อยู่ระหว่างตา ทำหน้าที่ในการดมกลิ่น
ตา-ประกอบด้วยตาสองชนิด คือ ตาเดี่ยว (ocelli) และตารวม
(compound eyes) ตาเดี่ยวใช้ในการรับรู้ความมือสว่าง
ส่วนตารวมทำหน้าที่รับภาพที่เคลื่อนไหว มีประสิทธิภาพในการมองเห็นสูงมาก
ปาก-ปากเป็นท่อ (proboscis) สำหรับดูกินอาหารที่เป็นของเหลว เช่น น้ำ น้ำหวาน
ขณะที่ไม่ได้กินอาหารปากจะถูกม้วนเก็บเป็นวงกลมคล้ายขดลานนาฬิกา
ลำตัว-ลำตัวประกอบไปด้วยปล้องวงแหวนหลายๆปล้องเรียงต่อกัน
เชื่อมยึดด้วยเยื่อบางๆ เพื่อให้เคลื่อนไหวได้สะดวก มีเปลือกนอกแข็งวงแหวนที่เชื่อมต่อกันเป็นลำตัวของผีเสื้อ
มีทั้งหมด 14 ปล้อง แบ่งออกเป็นส่วนหัว 1 ปล้อง ส่วนอก 3 ปล้อง และส่วนท้อง 10 ปล้อง
ท้อง-ตอนปลายสุดของส่วนท้องมีอวัยวะเพศ
ที่มีรูปร่างลักษณะแตกต่างกันตามชนิดของผีเสื้อ และจะ
ผสมพันธุ์กันได้เฉพาะผีเสื้อชนิดเดียวกันเท่านั้น
ขา-ขาเป็นข้อๆ
แบ่งออกเป็น 5ส่วน ได้แก่ โคนขา ข้อต่อโคนขา ต้นขา ปลายขา
และตีน ตามลำดับ มีเล็บ 1 คู่ที่ปลายตีน
ขาคู่หน้าของบางชนิดหดหายไปบางส่วน เหลือเพียงส่วนที่เป็นโคนขาและต้นขาที่มีกระจุกพู่ขนปกคลุมอยู่
เช่น ผีเสื้อในวงศ์สีเสื้อขาหน้าพู่
อก-ประกอบด้วยปล้องเรียงต่อกัน
มีขาที่อกปล้องละ 1 คู่
ปีก-มี 2 คู่ คู่หน้าติดอยู่กับอกปล้องกลาง คู่หลังติดอยู่กับอกปล้องที่ 3 (ด้านที่ติดกับปล้องท้อง)
วงจรชีวิต
วงจรชีวิตผีเสื้อเริ่มจากไข่
เมื่อฟักออกเป็นหนอน แล้วกลายเป็นดักแด้ในเวลาต่อมา และในที่สุดจึงเป็นผีเสื้อ
ผีเสื้อ 4 ระยะ
ผีเสื้อมีการเจริญเติบโตเป็น 4 ระยะด้วยกัน คือ
ไข่ – ผีเสื้อแต่ละชนิดจะวางไข่บนใบไม้ที่เป็นอาหารของหนอนแตกต่างกันไป
หนอน – กินใบไม้เป็นอาหาร
จะลอกคราบ 4-5 ครั้ง และเข้าสู่ระยะดักแด้
ดักแด้ – ไม่กินอาหาร มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเพื่อเป็นผีเสื้อตัวเต็มวัย
ตัวเต็มวัย –
กินอาหารที่เป็นของเหลว แต่ระยะเวลาใช้เวลาประมาณ 5-20 วัน
ผีเสื้อกลางวัน / ผีเสื้อกลางคืน
นักวิทยาศาสตร์ได้แยกผีเสื้อออกเป็น
2
กลุ่มด้วยกัน คือ ผีเสื้อกลางวัน (Butterflies)
และผีเสื้อกลางคืน (Moths)
มีความแตกต่างกันพอสังเกตได้ดังนี้
ผีเสื้อกลางวัน
การซ้อนปีกกันของปีก – ปีกคู่หน้าและปีกคู่หลังบางส่วนซ้อนแนบกัน
หนวด – แบบกระบอง ส่วนปลายใหญ่กว่าส่วนโคน
คล้ายไม้เบสบอลขณะเกาะชูหนวดขึ้นคล้ายรูปตัว V
ออกหากิน – ในเวลากลางวัน แต่มีบางชนิดที่ออกหากินในตอนพลบค่ำหรือใกล้รุ่ง เช่น
ผีเสื้อสกุลผีเสื้อสายัณห์สีตาล
การเกาะ – หุบปีกตั้งตรงขึ้น
ปีกด้านบนแนบชิดติดกัน หรือกางออกเล็กน้อย ยกเว้นบางชนิดชอบเกาะกางปีกราบลงกับพื้น
เช่น ผีเสื้อสกุลผีเสื้อแผนที่
ผีเสื้อกลางคืน
การซ้อนกันของปีก - มีขนแข็งๆ ( อาจมีเพียง 1 เส้น หรือมากกว่า ) ตรงบริเวณโคนปีกคู่หลังและยื่นสอดเข้าไปเกี่ยวกับห่วงที่อยู่ใต้โคนปีกคู่หน้า
หนวด –
มีรูปร่างแตกต่างกันหลายแบบ เช่น แบบเส้นด้าย แบบฟันหวี
ส่วนใหญ่เวลาเกาะจะซ้อนหนวดไว้ใต้ปีก ลู่แนบไปตามขอบปีกหรือพับไปด้านหลังบนลำตัว
การเกาะ – กางปีกราบหรือลู่ลงคล้ายกระโจม
ยกเว้นบางชนิดยกปีกตั้งขึ้นกึ่งหนึ่ง และปีกด้านบนไม่แนบติดกัน
ออกหากิน – ในเวลากลางคืน
แต่ก็มีบางชนิดที่ออกหากินในตอนกลางวัน เช่น ผีเสื้อสกุลผีเสื้อทองเฉียงพร้า
แหล่งหากินของผีเสื้อมี 2 แหล่งใหญ่ๆ
คือดอกไม้และโป่งดินที่มีแร่ธาตุอาหาร
ซึงที่โป่งดินส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผีเสื้อเพศผู้เกือบทั้งหมด
โป่งดินจะอยู่ตามริมลำห้วย แอ่งน้ำขัง
หรือพื้นดินที่ชื้นแฉะและมีแร่ธาตุอาหารที่ผีเสื้อต้องการปะปนอยู่ เช่น
น้ำจากมูลสัตว์ ปัสสาวะสัตว์หรือคน ซากสัตว์เน่าเปื่อย ผลไม้เน่า
ผีเสื้อที่มีปากยาวมากๆ
จะสามารถกินน้ำหวานจากดอกไม้ที่มีกลีบดอกเป็นกรวยลึกได้ดี ผีเสื้อส่วนใหญ่จะออกหากินเมื่อมีแสงแดดอากาศแจ่มใส
เนื่องจากจำเป็นต้องผึ่งปีกให้อบอุ่นก่อนเพื่อที่จะบินได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว
ซึ่งจะเป็นช่วงประมาณ 08.00 น.
ผีเสื้อจะออกกินเรื่อยไปจนกระทั่งประมาณ 10.00 – 11.00 น.เมื่อถึงช่วงกลางวันแดดร้อนจัด
ผีเสื้อจะหลบพักตามร่มไม้และออกหากินอีกครั้งในราว 15.00 น.
จนถึง 17.00 – 18.00 น.
แต่มีผีเสื้อบางกลุ่มออกหากินในช่วงเช้ามืดหรือใกล้ค่ำ
เช่น ผีเสื้อในวงศ์บินเร็ว ผีเสื้อกลุ่มสายัณห์สีตาล หากอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน
มีความสัมพัทธ์มาก หรือลมแรง ผีเสท่อจะเข้า
หลบตามพุ่มไม้ หากฝนตกจะหลบเกาะตามใต้ใบไม้
ในช่วงฤดูร้อน
บางพื้นที่ที่แห้งแล้งมากๆ ผีเสื้อในวงศ์หนอนกะหล่ำอาจจะพากันบินเป็นกลุ่มๆ
ไปยังแหล่งอาหารที่ไกลออกไปจากที่อาศัยเดิม เช่น จากยอดเขาลงสู่ชายเขา
น่ารักกกกกก
ตอบลบอิอิ
ลบผีเสื้อเดี๋ยวนี้หายากต้องอนุรักษ์ไว้
ตอบลบพี่พาไปดูปะ55+
ลบผีเสื้อสวยมาก อยากเลี้ยงบ้างจัง
ตอบลบ